พระยาภักดีชุมพล (แล)
เจ้าพ่อพญาแล
หากเอ่ยถึงชื่อ “นายแล” หรือ พระยาภักดีชุมพล (แล) น้อยคนนักที่จะรู้จัก แต่หากกล่าวนาม “เจ้าพ่อพระยาแล” เชื่อว่าหลายคน โดยเฉพาะชาวชัยภูมิและจังหวัดใกล้เคียงคงรู้จักเป็นอย่างดี ทั้งในฐานะผู้นำทางวัฒนธรรมของเมืองชัยภูมิ และเป็นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือและเป็นที่พึ่งยามที่เดือดเนื้อร้อนใจ นับตั้งแต่การเจ็บป่วย ปัญหาการทำกิน ตลอดจนความขัดข้องในชีวิต
ดังเห็นจากการประกอบพิธีกรรมที่สัมพันธ์กับความเชื่อเจ้าพ่อพระยาแล อาทิ พิธีบวงสรวงดวงวิญญาณ พิธีบอกกล่าว และการบนบาน เป็นต้น โดยชาวบ้านอาจจะประกอบพิธีกันที่หิ้งเจ้าพ่อพระยาแลซึ่งตั้งอยู่ในบ้าน หรือไม่ก็ที่ศาลเจ้าพ่อพระยาของชุมชน รวมทั้งที่อนุสาวรีย์เจ้าพ่อพระยาแลที่ตั้งอยู่กลางเมืองชัยภูมิ
ยิ่งกว่านั้น เจ้าพ่อพระยาแลยังถูกผนวกให้เป็นหนึ่งในอุดมการณ์ของรัฐชาติเพื่อใช้ปลูกฝังให้คนรุ่นหลังตระหนักถึงความซื่อสัตย์และการเสียสละเพื่อชาติของ “นายแล” ดังปรากฏในงานบวงสรวงเจ้าพ่อพระยาแลที่จัดขึ้นในวันพุธสัปดาห์แรกของเดือนหก (ราวเดือนพฤษภาคมของทุกปี) และยังเห็นได้จากคำขวัญประจำจังหวัดที่ทางการตั้งไว้ว่า “ชัยภูมิ เมืองผู้กล้าพระยาแล”
ดังนั้น เรื่องราวของเจ้าพ่อพระยาแลจึงหาใช่เป็นเพียงตำนาน ความเชื่อ และประวัติศาสตร์ หากแต่เจือไปด้วย “การเมือง” ในแง่ความสัมพันธ์ทางสังคมในมิติต่างๆ ที่มีมูลเหตุมาจากการประดิษฐ์สร้างเรื่องราวของผู้นำทางวัฒนธรรมแห่งชัยภูมิผู้ที่ชื่อ “นายแล”
“ปู่ด้วง” และอิทธิปาฏิหาริย์ ของเจ้าพ่อพระยาแล
เรื่องราวของปู่ด้วงนับว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดอย่างมากกับนายแล แม้ประวัติของปู่ด้วงจะไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน เป็นเพียงคำบอกเล่าและบันทึกของคนท้องถิ่น (พระครูศรีพิพัฒนคุณ และสุรวิทย์ อาชีวศึกษาคม อ้างในกรมศิลปากร 2542 : 146-147) พบว่า ปู่ด้วงเป็นชาวเขมร เข้ามาอยู่ชัยภูมิก่อนที่พระยาภักดีชุมพล (แล) จะอพยพผู้คนมาตั้งเมือง ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อบางกระแสที่ว่า ปู่ด้วงเป็นชาวอำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพราะชาวศรีสะเกษส่วนมากจะพูดภาษาเขมรและภาษาส่วย เป็นภาษาพูดแต่โบราณ
นอกจากนี้ ชาวชัยภูมิยังเชื่อว่า ปู่ด้วงได้พาครอบครัวมาตั้งหลักฐานที่บ้านตาดโตน[8] ท่านเป็นผู้มีวิชาอาคมและเวทมนตร์ ทำให้นายแลเกิดความเลื่อมใสและขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาอาคมให้อยู่ยงคงกระพัน ฟันไม่เข้าและยิงไม่ออก
จนเป็นที่มาของเรื่องเล่าในตอนที่ท่านพลีชีพเพื่อแผ่นดินชัยภูมิในช่วงกบฏเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ว่า ศัตรูจะยิงแทงฟันอย่างไรก็ไม่เข้า จึงต้องใช้หลาวแหลมเสียบทวารหนักจนถึงแก่ชีวิต เมื่อปู่ด้วงรู้ข่าวกลัวภัยจะมาถึงตัว จึงรีบอพยพหลบหนีจากบ้านตาดโตนเข้าป่าลึก ในเทือกเขาภูแลนคา อาศัยอยู่ป่าท่าหินโงม[9] ซึ่งจะปรากฏมีวัดปู่ด้วงมาจนบัดนี้
จากพระยาภักดีชุมพล (แล) สู่เจ้าพ่อพระยาแล
ความเชื่อเกี่ยวกับเจ้าพ่อพระยาแล หรือพระยาภักดีชุมพล (แล) เจ้าเมืองคนแรกของเมืองชัยภูมิ ตามประวัติที่กล่าวแล้วเบื้องต้นสรุปได้ว่า นายแลเป็นคนลาวอพยพมาจากเมืองเวียงจันทน์ คนกลุ่มนี้มีการตั้งหลักแหล่งและอพยพเรื่อยมา จนท้ายสุดได้ตั้งหลักฐานมั่นคงที่เมืองชัยภูมิในปัจจุบัน และได้สร้างเมืองจนมั่นคง และได้รับการยอมรับจากคนชัยภูมิว่า เป็นผู้มีความสามารถในด้านการปกครองและมีความจงรักภักดีต่อแผ่นดิน รวมถึงบ้านเมืองที่ตนสร้างขึ้น แม้ตัวตายก็ไม่เกรงกลัว
ตามความเชื่อที่สืบทอดมากล่าวว่า พระยาภักดีชุมพล (แล) ไม่ยอมร่วมมือกับเจ้าอนุวงศ์ แห่งเมืองเวียงจันทน์ จึงถูกฆ่าตาย ณ ริมหนองปลาเฒ่า บริเวณที่มีการสร้างศาลของท่านในปัจจุบัน แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่จากตำนาน “เจ้าพ่อพระยาแล” และประวัติของพระยาภักดีชุมพล (แล) ในประวัติศาสตร์ท้องถิ่นกับพบเรื่องราวที่สอดคล้องกันคือ ท่านได้เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2369 ช่วงเดียวกับที่เกิดเหตุการณ์กบฏเมืองเวียงจันทน์ต่อกรุงเทพฯ ซึ่งชาวชัยภูมิเชื่อว่า ท่านพลีชีพตนเอง เพราะไม่ยอมทรยศต่อแผ่นดินไทย
ดังนั้น พระยาภักดีชุมพล (แล) จึงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ ความจงรักภักดีต่อแผ่นดินและราชวงศ์จักรี จนยุคสมัยปัจจุบัน ทางราชการได้สร้างคำขวัญของจังหวัดให้สอดคล้องกับตัวท่านว่า “ชัยภูมิ เมืองผู้กล้าพระยาแล” (กรมศิลปากร : 146) ประกอบกับตามคติแห่งการถือผีบรรพบุรุษชาวชัยภูมิเชื่อว่า ดวงวิญญาณของท่านยังคอยปกปักคุ้มครองเมืองชัยภูมิ ให้เกิดความสงบสุขร่มเย็นตลอดมา ตัวท่านจึงเป็นสัญลักษณ์ที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือบูชา โดยไม่มีการชักจูงใดๆ แม้ชาวชัยภูมิรุ่นหลังๆ ก็มีความศรัทธาต่อท่าน (สง่า พัฒนชีวะพูล : 107-156)
เหตุนี้จึงทำให้ชาวบ้านเรียกพระยาชุมพลภักดี (แล) ว่า “เจ้าพ่อพระยาแล” ที่มีสถานภาพเปรียบดั่งบิดาผู้ยิ่งใหญ่หรือเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ (ศรีศักร วัลลิโภดม 2527 : 11-13) ซึ่งในที่นี้คือ เป็นทั้งอดีตเจ้าเมืองชัยภูมิและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้การคุ้มครองลูกหลานได้อยู่เย็นเป็นสุข จนกลายเป็นสัญลักษณ์และมรดกทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่ชาวชัยภูมิให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก


.jpg)

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น